Share:
รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวเกี่ยวกับหินในประเทศไทย สิ่งที่ธรรมชาติสรรค์สร้างจนก่อเกิดเป็นสิ่งอัศจรรย์ ทำให้เราได้ชื่นชมกับความสวยงามที่แปลกตา
สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยมีหลากหลายแบบ ทั้งทะเล ภูเขา หรือสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติรังสรรค์จนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆ หนึ่งในนั้นก็คือ “สถานที่ท่องเที่ยวเกี่ยวกับหิน” ที่ซุกซ่อนความงดงามอยู่ทั่วทั้งประเทศไทย วันนี้เราเลยหยิบเอาแหล่งท่องเที่ยวทางธรณีวิทยารูปร่างแปลกประหลาดที่น่าสนใจ พร้อมเชิญชวนให้ไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเองกันสักครั้ง 1. มอหินขาว อุทยานแห่งชาติภูแลนคา ชัยภูมิ เริ่มแรกที่ Unseen Thailand ชื่อดังอย่าง “มอหินขาว” หรือสโตนเฮนจ์เมืองไทย กลุ่มเสาหินทรายสีขาวขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นบนลานหญ้ากว้างบริเวณเนินเขา ภายในอุทยานแห่งชาติภูแลนคา โดยเกิดจากการสะสมของตะกอนทรายแป้งและดินเหนียวจากทางน้ำ เมื่อมีความเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือกโลกเมื่อ 65 ล้านปีก่อน ทำให้มีการแตกหัก ผุพัง และการกัดเซาะ จนกลายเป็นเสาหินสูงใหญ่ 5 เสา รูปทรงประหลาดบนเนินเขาอย่างที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน นอกจากนี้บริเวณรอบๆ ยังมีกลุ่มลานหินอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติภูแลนคา บ้านวังคำแคน หมู่ 9 ตำบลท่าหินโงม อำเภอเมือง ชัยภูมิ
เวลา เปิด - ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 18.00 น. (เสียค่าธรรมเนียมให้กับอุทยานแห่งชาติภูแลนคา) website : อุทยานแห่งชาติภูแลนคา พิกัด GPS. และการเดินทาง : มอหินขาว ชัยภูมิ รีวิว : มอหินขาว ชัยภูมิ ความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติรังสรรค์
2. ผาช่อ อุทยานแห่งชาติแม่วาง เชียงใหม่ ไปต่อกันที่ดินแดนแห่งหน้าผาหินในช่วง 5 ล้านปีก่อน มีลักษณะเป็นหน้าผาหินตกตะกอน สูงประมาณ 30 เมตร กว้างราวๆ 100 เมตร ที่ตัวหน้าผามีลวดลายลักษณะที่สวยงามแปลกตา มีริ้วลายของหินคล้ายกับผ้าม่าน สันนิษฐานว่าบริเวณนี้เคยเป็นแม่น้ำปิงมาก่อน ต่อมาธรณีแปรสัณฐาน และได้ดันชั้นตะกอนบริเวณขอบแอ่งของแม่น้ำ ซึ่งเป็นตะกอนในยุคเทอร์เชียรี มีอายุประมาณ 5 ล้านปี ขึ้นมา เมื่อโดนทั้งลม ฝน ฯลฯ กัดเซาะจึงกลายเป็นลวดลายที่สวยงามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งยังคงทิ้งร่องรอยการกัดเซาะจนกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจ ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติแม่วาง ตำบลสันติสุข อำเภอดอยหล่อ เชียงใหม่
เวลา เปิด - ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 น. - 16.30 น. website : อุทยานแห่งชาติแม่วาง พิกัด GPS. และการเดินทาง : ผาช่อ เชียงใหม่ รีวิว : ผาช่อ เชียงใหม่ ตะลุยป่าย้อนเวลาสู่โลกแห่งยุคเทอร์เชียรี
3. สามพันโบก อุบลราชธานี แลนด์มาร์กชื่อดังของจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าของฉายา “แกรนด์แคนยอนเมืองไทย” ที่จะโผล่มาให้ได้ยลโฉมเพียงแค่ช่วงระยะเวลาฤดูแล้งที่แม่น้ำโขงลดลงเท่านั้น โดยที่แก่งหินเหล่านี้ก็จะมีแอ่งน้อยใหญ่ เกิดจากการกัดเซาะของแรงน้ำวน เมื่อนับดูแล้วมีจำนวนมากกว่า 3,000 แอ่ง ซึ่งคำว่า “แอ่ง” ในภาษาท้องถิ่นจะเรียกว่า “โบก” จึงเป็นที่มาของคำว่า “สามพันโบก” นั่นเอง อีกทั้งด้วยความที่แก่งหินโดนน้ำกัดเซาะจนทำให้มีรูปร่างสวยงามแปลกตาแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะรูปวงรี รูปดาว รูปมิกกี้ เม้าส์ รูปหัวใจ และหินหัวสุนัข เป็นต้น ตามแต่จินตนาการของคนที่มองกันทีเดียว ที่ตั้ง : บ้านโป่งเป้า ตำบลเหล่างาม อำเภอโพธิ์ไทร อุบลราชธานี
เวลา เปิด - ปิด : เวลาเที่ยวสามพันโบกจะอยู่ในช่วงหน้าแล้ง หรือช่วงที่ระดับน้ำในแม่น้ำโขงลดระดับลง จะอยู่ราวๆ ระหว่างปลายเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนพฤษภาคม ของทุกปี (ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนการเดินทาง) และแนะนำให้ไปช่วงเวลาประมาณ 06.00 น. - 09.00 น. และ 15.00 น. - 17.30 น. เพราะแดดจะไม่ร้อนมาก อากาศกำลังสบาย พิกัด GPS. และการเดินทาง : สามพันโบก อุบลราชธานี รีวิว : สามพันโบก อุบลราชธานี กับ 16 ข้อควรรู้ที่ห้ามพลาด
4. วนอุทยานแพะเมืองผี แพร่ แหล่งเรียนรู้ทางธรณีวิทยาที่สำคัญของจังหวัดแพร่ ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่เกิดจากการทับถมกันของดินตะกอนแม่น้ำนานนับล้านปี โดยลักษณะการเกิดของเสาหิน เกิดจากกรวด หิน ดิน ทราย เกาะจับตัวกัน ยังไม่แน่นแข็งเต็มที่ ประกอบด้วยชั้นหินทรายละเอียดและชั้นหินทรายสลับกันเป็นชั้น ๆ แต่ละชั้นมีความต้านทานต่อการผุพังไม่เท่ากัน เมื่อถูกน้ำฝนชะซึมชั้นหินที่มีความต้านทานต่อการผุพังน้อยกว่าก็จะถูกชะล้าง กัดกร่อน เหลือชั้นที่มีความต้านทานต่อการผุพังมากกว่า ทำหน้าที่เสมือนแผ่นเกราะวางอยู่ข้างบนที่น้ำไม่สามารถชะกร่อนต่อไปได้ง่าย ส่วนที่เหลือจึงเกิดเป็นแท่ง เป็นหย่อม และมีรูปร่างแตกต่างกันออกไปดังเช่นปัจจุบัน ที่ตั้ง : วนอุทยานแพะเมืองผี ตั้งอยู่ระหว่างตำบลทุ่งโฮ้ง และตำบลน้ำชำ อำเภอเมือง แพร่
เวลา เปิด - ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 น. - 18.00 น. website : วนอุทยานแพะเมืองผี พิกัด GPS. และการเดินทาง : แพะเมืองผี
5. ละลุ สระแก้ว “ละลุ” ในภาษาเขมร แปลว่า “ทะลุ” ที่นี่เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากน้ำฝนกัดเซาะ ยุบตัว หรือพังทลายของดิน เนื่องจากสภาพดินแข็งจะคงอยู่ไม่ยุบตัว เมื่อถูกลมกัดกร่อนจึงมีลักษณะเป็นรูปต่าง ๆ มองคล้ายกำแพงเมือง หน้าผา บ้างมีลักษณะเป็นแท่งๆ คล้ายกับแหล่งธรรมชาติบริเวณแพะเมืองผี จังหวัดแพร่ แต่มีขนาดเล็กกว่า แต่ก็สวยงามแปลกตาไม่แพ้กัน โดยนักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถอีแต๊กที่ชาวบ้านในชุมชนนำมาบริการ ลัดเลาะไปตามท้องทุ่งจนถึงตัวละลุได้อย่างสบายๆ ที่ตั้ง : บ้านเนินมะขาม และบ้านคลองยาง ตำบลทัพราช อำเภอตาพระยา สระแก้ว
เวลา เปิด - ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 18.00 น. website : sakaeo.go.th พิกัด GPS. และการเดินทาง : ละลุ จังหวัดสระแก้ว
6. คลองหินดำ ชุมพร แกรนด์แคนยอนแห่งชุมพร มีลักษณะเป็นแนวกำแพงหินทั้งสองข้างที่เกิดจากการกัดเซาะของลำธารมายาวนาน จนเกิดเป็นลำธารที่มีความกว้างประมาณ 5 - 10 เมตร ไหลผ่านรอยแยกของหิน ในลักษณะลัดเลาะคดเคี้ยวไป - มา ระยะทางยาวมากกว่า 1 กิโลเมตร และมีแก่งหินสูงมากกว่า 3 - 5 เมตร โดยรอบมีต้นไม้หายากน้อยใหญ่ตั้งอยู่มากมาย บรรยากาศร่มรื่น ซึ่งในช่วงฤดูน้ำลดสามารถลงเล่นน้ำได้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมล่องห่วงยางให้ได้สนุกสนานกันด้วย ที่ตั้ง : บริเวณวัดโรจดำริห์ (วัดคลองหินดำ) ตำบลเขาค่าย อำเภอสวี ชุมพร [/size]
website : www.chppao.go.th facebook : คลองหินดำ Grandcanyon พิกัด GPS. และการเดินทาง : คลองหินดำ จังหวัดชุมพร
7. กองแลนแคนยอน แม่ฮ่องสอน เจ้าของฉายา “ปายแคนยอน” เพราะธรรมชาติได้สร้างความมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ มีลักษณะเป็นภูเขาหินรูปร่างต่าง ๆ ที่เกิดจากการยุบตัวของภูมิประเทศ บางส่วนยุบมากก็กลายเป็นเหวลึก และบางส่วนก็กลายเป็นแนวสันเขาที่มีความกว้างพอให้คนเดินได้ ที่นี่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความสนุกสนาน ตื่นเต้นจากการเดินเลียบเลาะวนรอบเขา ทำให้เปิดมุมมองใหม่ของการชมบรรยากาศความสวยงามของธรรมชาติระหว่างสองข้างทาง แต่ควรระมัดระวังในการเดินชมด้วยเช่นกัน ที่ตั้ง : ตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย แม่ฮ่องสอน
เวลา เปิด - ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 18.00 น. พิกัด GPS. และการเดินทาง : กองแลน จังหวัดแม่ฮ่องสอน
8. ลานหินปุ่ม – ลานหินแตก อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า พิษณุโลก ปรากฏการณ์ที่ธรรมชาติรังสรรค์ให้ก่อเกิดเป็นรูปทรงแปลกตา ซึ่งทั้ง “ลานหินปุ่ม” และ “ลานหินแตก” ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สถานที่ที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมาย และตั้งอยู่ไม่ไกลจากกันมากนัก โดยมีเส้นทางที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินได้สบายๆ ไม่ลำบาก มีป้ายบอกไว้ชัดเจน ตลอดเส้นทางจะได้เห็นความหลากหลายของธรรมชาติ ทั้งพรรณไม้ ดอกไม้ และก้อนหินใหญ่สวยงามชวนให้ดูแปลกตา ลานหินปุ่ม : อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ริมหน้าผาลักษณะเป็นลานหินผุดขึ้นเป็นปุ่มไล่เลี่ยกัน สูงประมาณ 1 ฟุต เกิดจากการสึกกร่อนตามธรรมชาติของหินทางเคมีและฟิสิกส์ ประกอบกับการขัดเกลาของกระแสลมและสายฝน จนกลายเป็นรูปร่างดังปัจจุบัน ลานหินแตก : อยู่ห่างจากฐานพัชรินทร์ ประมาณ 300 เมตร มีลักษณะเป็นหินที่มีรอยแตกเป็นแนวเป็นร่องเหมือนแผ่นดินแยก สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากการโก่งตัวหรือเคลื่อนตัวของผิวโลกจึงทำให้พื้นหินนั้นแตกลักษณะนี้ ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อำเภอนครไทย พิษณุโลก
เวลา เปิด - ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 18.00 น. (เสียค่าธรรมเนียมให้กับอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า) website : อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า พิกัด GPS. และการเดินทาง : ภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก รีวิว : 24 ข้อแนะนำก่อนเที่ยวภูหินร่องกล้า อ่านจบเที่ยวสนุกยิ่งกว่าเดิม
9. เกาะหินงาม อุทยานแห่งชาติตะรุเตา สตูล เกาะเล็กๆ กลางทะเลอันดามัน ตั้งทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะอาดัง ไกลออกไปประมาณ 2.5 กิโลเมตร ความโดดเด่น คือ ชายหาดที่ทรายถูกแทนที่ด้วยก้อนหินสีดำเงางามสุดลูกหูลูกตา ก้อนหินกลมเกลี้ยงเนียนเรียบ ลวดลายสวยงาม ขนาดเล็ก - ใหญ่ แตกต่างกันไป โดยหินเหล่านี้ทับถมกันจนเกิดเป็นเกาะเล็กๆ ไม่มีหาดทราย รอบๆ เป็นน้ำทะเลสีฟ้าใส งดงามเกินบรรยาย เล่ากันว่าหินทุกก้อนมีคำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตา หากใครนำติดตัวไปจะเกิดแต่หายนะ แต่อีกนัยหนึ่งคือมาตรการการป้องกันทรัพยากรทางจิตใจได้เป็นอย่างดี ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง สตูล
เวลา เปิด - ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 น. - 17.00 น. website : เกาะหินงาม พิกัด GPS. และการเดินทาง : เกาะหินงาม จังหวัดสตูล
10. หินสามวาฬ (ภูสิงห์) บึงกาฬ Unseen จังหวัดบึงกาฬที่หลายคนอยากไปเยือนสักครั้ง ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ติดหน้าผาสูง แยกตัวเป็น 3 ก้อน มีอายุประมาณ 75 ล้านปี หนึ่งเดียวของโลก เมื่อมองดูจากระยะไกล หิน 3 ก้อนนี้จะดูคล้ายกับฝูงครอบครัววาฬ ที่ประกอบด้วย พ่อวาฬ แม่วาฬ และลูกวาฬ ซึ่งเรียกตามขนาดของหินแต่ละก้อน ตัวหินมีสีน้ำตาลแดงเข้ม พร้อมกับมีจุดสีขาว ๆ อยู่โดยรอบ ทั้งยังเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่สวยที่สุดในภูสิงห์ มองเห็นผืนป่า ทัศนียภาพของป่าภูวัว ห้วยบังบาตร แก่งสะดอก หาดทรายแม่น้ำโขงและภูเขาเมืองปากกระดิง ประเทศลาว อีกด้วย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวควรระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นหน้าผาสูงชัน ไม่ควรวิ่งไป - มา หรือกระโดด ที่ตั้ง : ตำบลโคกก่อง อำเภอเมือง บึงกาฬ เวลา เปิด - ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00 น. - 18.30 น. (อนุญาตให้ขึ้นรอบสุดท้ายเวลา 17.00 น. ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและธรรมชาติ ควรรับฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่) โทรศัพท์ : 08 8536 2717 (ฝ่ายบริหารทั่วไป) พิกัด GPS. และการเดินทาง : หินสามวาฬ รีวิว : หินสามวาฬ ภูสิงห์ หินยักษ์รูปวาฬสุดอันซีนที่บึงกาฬ และนี่เป็นสถานที่เกี่ยวกับหินในประเทศไทยเพียงไม่กี่แห่งที่เราหยิบมาแนะนำกัน จริงๆ แล้วยังมีที่เที่ยวที่ธรรมชาติรังสรรค์อยู่อีกมากมาย เอาเป็นว่าหากมีโอกาสก็อย่าลืมไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยว เหล่านี้กันนะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ททท. , สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช