soup   van club                    
     
การท่องเที่ยว ที่มากกว่า การเที่ยวท่อง ..!!                    
     





soup van club     การท่องเที่ยว ที่มากกว่า การเที่ยวท่อง ..!!     ติดตามข่าวสารการท่องเที่ยว ... แวะมาเยี่ยมกันบ่อยๆ นะ คร๊าบ ..


บริษัท ไทยฮอตสปอต เน็ตเวิร์ค จำกัด สนใจโฆษณา Welcome to JustUsers.net
จีพีเอสเที่ยวไทยดอทคอม

....::::    ::::....         สมัครสมาชิกเว็บ ง่ายๆ ถ้ามีเฟซบุ๊คอยู่แล้ว     ในขั้นตอนสมัครสมาชิก   เจอหน้าแรก "กดยอมรับข้อตกลงของเว็บ Soup Van Club"     หน้าต่อไป ให้กดที่ภาพ   "ภาพเฟซบุ๊ค"   แล้วป้อนอะไรนิดหน่อย     จากนั้นรอสักครู่ ระบบจะพาเข้าเว็บอัตโนมัติ ..!!       ....::::    ::::....

ผู้เขียน หัวข้อ: เปิด “ประตูสู่หิมาลัย” ....เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา ดอยอินทนนท์  (อ่าน 15696 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jomjam Jam

  • Administrator
  • *
  • กดนิ้วโป้ง.! แทนคำขอบคุณ
  • -มอบให้: 31
  • -จึงได้รับ: 658
  • กระทู้: 443
  • กำลังใจ : +662/-0
  • ระบบปฏิบัติการ:
  • Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
  • เบราเซอร์:
  • Chrome 60.0.3112.113 Chrome 60.0.3112.113
    • <b>กลุ่มพิเศษ..</b>
  • สมาชิกลำดับที่: 175
Share: โพสกระทู้นี้ลงใน Twitter ของคุณ  โพสกระทู้นี้ลงใน Facebook ของคุณ...              
เปิด “ประตูสู่หิมาลัย” ....เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา ดอยอินทนนท์


    “ดอยอินทนนท์” แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทยแล้ว ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่สวยงามและน่าสนใจอยู่สองแห่ง คือเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานและเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา นั่นเอง ซึ่งครั้งก่อนได้รีวิวเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานมาให้ชมแล้ว ครั้งนี้เรามาชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกากันบ้างค่ะ







    “เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา” หรือ “อ่างกาหลวง” เป็นแอ่งน้ำธรรมชาติที่มีขนาดพื้นที่มากกว่า 10 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณจุดที่สูงที่สุดของประเทศไทย หรือยอดดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ เป็นจุดที่มีน้ำท่วมขังตลอดปี อยู่ตรงข้ามกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ถ้าเริ่มต้นจากยอดดอยให้เดินมาทางป้ายสูงสุดแดนสยาม ผ่านสถูปเจ้าอินทวิชยานนท์ เดินมาจนถึงจุดวัดอุณหภูมิ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นทางเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา เส้นทางเดินนี้ถูกออกแบบโดย คุณไมเคิล แมคมิลแลน วอลซ์ นักสัตววิทยาและอาสาสมัครชาวแคนาดาประจำอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ซึ่งทุ่มเททั้งกำลังกาย กำลังความคิด และความสามารถในการสำรวจวางแผนเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้กับพื้นที่บนดอยแห่งนี้เป็นอย่างมาก จวบจนกระทั่งสิ้นชีวิตลงด้วยโรคหัวใจ ณ อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์




คุณไมเคิล แมคมิลแลน วอลซ์ ผู้สำรวจวางแผนออกแบบเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา


    สำหรับที่มาของชื่อ “อ่างกา” นั้น มีแหล่งอ้างอิง 3 แหล่งได้กล่าวไว้ โดยแหล่งอ้างอิงแรกกล่าวว่า ด้วยสถานที่แห่งนี้มีหินละม้ายคล้าย “กา” อยู่บริเวณอ่างน้ำแห่งนี้  แหล่งอ้างอิงที่สองกล่าวว่า ในสมัยก่อนเคยมีอีกามาอาศัยอยู่บริเวณแอ่งน้ำแห่งนี้ และแหล่งอ้างอิงที่สามกล่าวว่า “อ่างกา” เป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า “อั่งกา” ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่น ที่แปลว่า “ภูเขาใหญ่”













*** โปรดติดตามต่อ ***


   


สมาชิกที่เห็นด้วยและขอบคุณ


ออฟไลน์ Jomjam Jam

  • Administrator
  • *
  • กดนิ้วโป้ง.! แทนคำขอบคุณ
  • -มอบให้: 31
  • -จึงได้รับ: 658
  • กระทู้: 443
  • กำลังใจ : +662/-0
  • ระบบปฏิบัติการ:
  • Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
  • เบราเซอร์:
  • Chrome 60.0.3112.113 Chrome 60.0.3112.113
    • <b>กลุ่มพิเศษ..</b>
  • สมาชิกลำดับที่: 175
Share: โพสกระทู้นี้ลงใน Twitter ของคุณ  โพสกระทู้นี้ลงใน Facebook ของคุณ...              
    เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอ่างกาแห่งนี้มีฉายาว่าเป็น “ประตูสู่หิมาลัย” เนื่องจากมีการศึกษาพบว่าบริเวณนี้เป็นส่วนหนึ่งของปลายเทือกเขาหิมาลัยที่ทอดยาวมาจากประเทศเนปาล ผ่านอินเดียและพม่าก่อนเข้าสู่ประเทศไทย ด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์นี้เองทำให้ได้รับอิทธิพลจากอากาศที่หนาวเย็นจัดตลอดปี มีลักษณะทางชีวภาพที่โดดเด่น ระบบนิเวศน์ของอ่างกาเป็นระบบนิเวศน์ที่ไม่เหมือนที่ไหนในประเทศไทย เนื่องจากตั้งอยู่บนที่สูงกว่า 2,500 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีหมอกปกคลุมตลอดปี มีอุณหภูมิเฉลี่ย 12 องศาเซลเซียส มีความชื้นสูง อุดมไปด้วยพืชพันธุ์ที่หาชมได้ยาก เช่น ข้าวตอกฤาษี กุหลาบพันปี ทะโล้ และอูนแดง เป็นต้น เนื่องจากเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอ่างกาถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกที่ลอยพัดผ่านเข้ามาตลอดเวลา ทำให้มีอากาศชื้นและเต็มไปด้วยละอองน้ำที่กระจายด้วยไปทั่วบริเวณเสมือนละอองฝน ทำให้ต้นไม้ใหญ่ในป่าดิบเขามีมอสและเฟิร์นขึ้นหุ้มเต็มต้นจนดูราวกับเป็นป่าในยุคดึกดำบรรพ์ และด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ถูกปกคลุมดังกล่าวทำให้ไม่สามารถหาที่ว่างตามกิ่งไม้ได้ รวมถึงบริเวณตลอดทางเดินจะอุดมไปด้วยพืชนิยมความชื้นทั้งมอส เฟิร์น และฝอยลมขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น เปรียบเสมือนพรมสีเขียวที่ปกคลุมไปทั่วทั้งผืนป่า หรือที่เรียกกันเชิงเปรียบเทียบว่า “ต้นไม้ใส่เสื้อ”















สมาชิกที่เห็นด้วยและขอบคุณ


ออฟไลน์ Jomjam Jam

  • Administrator
  • *
  • กดนิ้วโป้ง.! แทนคำขอบคุณ
  • -มอบให้: 31
  • -จึงได้รับ: 658
  • กระทู้: 443
  • กำลังใจ : +662/-0
  • ระบบปฏิบัติการ:
  • Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
  • เบราเซอร์:
  • Chrome 60.0.3112.113 Chrome 60.0.3112.113
    • <b>กลุ่มพิเศษ..</b>
  • สมาชิกลำดับที่: 175
Share: โพสกระทู้นี้ลงใน Twitter ของคุณ  โพสกระทู้นี้ลงใน Facebook ของคุณ...              
    เส้นทางศึกษาธรรมชาตินี้เป็นทางเดินรอบวงกลม เป็นทางเดินธรรมชาติที่มีความสวยงามและน่าประทับใจมากที่สุดสายหนึ่งของประเทศไทย มีระยะทาง 340 เมตร เป็นเส้นทางสั้นๆ ใช้เวลาเดินจนครบรอบประมาณ 20-30 นาที เดินง่าย ไม่อันตราย สามารถเดินเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่มีช่วงปิด และไม่ต้องมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่นคอยเดินนำทาง ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเส้นทางสั้นๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความสวยงามปนกับความพิศวง และอุดมไปด้วยมนต์เสน่ห์ทางธรรมชาติ ทันทีที่เข้าไปในอ่างกาจะรู้สึกได้ถึงอากาศที่เย็นและชื้นกว่าบริเวณด้านนอก มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมจนแสงแดดส่องไม่ถึงพื้น ทางเดินช่วงแรกนั้นเป็นพื้นดินธรรมดา จากนั้นจะเป็นทางเดินไม้ยกระดับ ความลาดชันของเส้นทางมีเฉพาะตอนเริ่มต้นและใกล้สิ้นสุดเส้นทาง ต่อจากนั้นเป็นทางเดินแนวราบบนสะพานไม้ ช่วงฤดูฝนจะมีฝนตกชุกมากที่สุดแห่งหนึ่ง  ส่วนฤดูหนาวอากาศจะหนาวจัด การเดินกลับขึ้นสู่จุดเริ่มต้น ควรเดินขึ้นช้าๆ หากเหนื่อยให้พักเป็นระยะๆ เพราะบนที่สูงระดับ 2,500 เมตรจะระดับน้ำทะเล ปริมาณออกซิเจนจะน้อยกว่าที่ราบ

















สมาชิกที่เห็นด้วยและขอบคุณ


ออฟไลน์ Jomjam Jam

  • Administrator
  • *
  • กดนิ้วโป้ง.! แทนคำขอบคุณ
  • -มอบให้: 31
  • -จึงได้รับ: 658
  • กระทู้: 443
  • กำลังใจ : +662/-0
  • ระบบปฏิบัติการ:
  • Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
  • เบราเซอร์:
  • Chrome 60.0.3112.113 Chrome 60.0.3112.113
    • <b>กลุ่มพิเศษ..</b>
  • สมาชิกลำดับที่: 175
Share: โพสกระทู้นี้ลงใน Twitter ของคุณ  โพสกระทู้นี้ลงใน Facebook ของคุณ...              
    ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติจะผ่านจุดสนใจต่างๆ  พร้อมป้ายให้ความรู้ตามจุดนั้นๆ  เช่น ข้าวตอกฤาษี ป่าพรุ อ่างกา พืชอิงอาศัย ซึ่งนอกจากจะได้เดินเที่ยวชมกันเพลินๆ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นแล้ว ยังได้ความรู้ควบคู่กันไปด้วย สมเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติอย่างแท้จริง  และในระหว่างทางเดินยังได้ยินเสียงนกร้องเป็นระยะๆ ซึ่งบนยอดดอยอินทนนท์แห่งนี้ถือว่าเป็นแหล่งดูนกที่มีคุณภาพ เนื่องจากมีนักดูนกจากทั่วโลกเดินทางมาส่องนกเฉพาะถิ่น รวมถึงนกหายาก และนกอพยพมากมายหลายชนิด จากการสำรวจ นกบนดอยอินทนนท์มีอยู่ถึง 385 ชนิด จาก 978 ชนิดที่พบในประเทศไทย โดยนกที่พบเห็นมากได้แก่ นกศิวะหางสีตาล นกกินปลีหางยาวเขียว นกอีแพรดท้องเหลือง นกมุ่นรกหัวน้ำตาลแดง นกหางรำดำ นกจับแมลงหน้าผากขาว นกปีกสั้นสีน้ำเงิน และนกกะรางหัวแดง เป็นต้น

















สมาชิกที่เห็นด้วยและขอบคุณ


ออฟไลน์ Jomjam Jam

  • Administrator
  • *
  • กดนิ้วโป้ง.! แทนคำขอบคุณ
  • -มอบให้: 31
  • -จึงได้รับ: 658
  • กระทู้: 443
  • กำลังใจ : +662/-0
  • ระบบปฏิบัติการ:
  • Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
  • เบราเซอร์:
  • Chrome 60.0.3112.113 Chrome 60.0.3112.113
    • <b>กลุ่มพิเศษ..</b>
  • สมาชิกลำดับที่: 175
Share: โพสกระทู้นี้ลงใน Twitter ของคุณ  โพสกระทู้นี้ลงใน Facebook ของคุณ...              
    จุดที่น่าสนใจ คือ ป้ายสื่อความหมาย “ข้าวตอกฤาษี”  ซึ่งเป็นพืชจำพวกมอสชนิดหนึ่ง แต่มีขนาดใหญ่กว่ามอสทั่วไป ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น มีสีเขียวสลับส้มกับสีน้ำตาลอ่อนๆ ข้าวตอกฤาษีนี้จะขึ้นได้เฉพาะบนที่สูงที่มีความชื้นมากและมีอากาศหนาวจัดเท่านั้น เป็นพืชที่หาดูได้ยากมาก เพราะจะเจริญได้ดีในระดับความสูง 2,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ชอบอาศัยอยู่ตามหุบเขาที่แสงส่องลงไปไม่ถึง เป็นพืชที่ขึ้นปกคลุมตามพื้นดิน โดยเฉพาะใต้ต้นไม้ใหญ่ ในอดีตข้าวตอกฤาษีเคยมีจำนวนลดลง เพราะมีการสูบน้ำบริเวณอ่างกาไปใช้ประโยชน์ ทำให้น้ำแห้งลงอย่างมาก ระบบนิเวศน์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง แต่ในปัจจุบันมีการใช้น้ำจากอ่างกาลดลง ข้าวตอกฤาษีจึงฟื้นคืนกลับมามีสภาพเกือบเหมือนเช่นในอดีต



















สมาชิกที่เห็นด้วยและขอบคุณ


ออฟไลน์ Jomjam Jam

  • Administrator
  • *
  • กดนิ้วโป้ง.! แทนคำขอบคุณ
  • -มอบให้: 31
  • -จึงได้รับ: 658
  • กระทู้: 443
  • กำลังใจ : +662/-0
  • ระบบปฏิบัติการ:
  • Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
  • เบราเซอร์:
  • Chrome 60.0.3112.113 Chrome 60.0.3112.113
    • <b>กลุ่มพิเศษ..</b>
  • สมาชิกลำดับที่: 175
Share: โพสกระทู้นี้ลงใน Twitter ของคุณ  โพสกระทู้นี้ลงใน Facebook ของคุณ...              
    จุดที่น่าสนใจต่อมาคือ “ต้นกุหลาบพันปี” ที่ถือว่าเป็นนางเอกของเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอ่างกาแห่งนี้ ต้นกุหลาบพันปีที่จะอวดโฉมบานสะพรั่งเป็นดอกไม้สีแดงสดดึงดูดให้นกเฉพาะถิ่นมาดื่มด่ำกับน้ำหวานและช่วยผสมเกสรเพื่อการขยายพันธุ์ต่อไป กุหลาบพันปีสายพันธุ์นี้ชอบขึ้นบริเวณผาหิน มีหน้าดินน้อย มีอากาศหนาวเย็นและมีความชื้น คนท้องถิ่นเรียกกุหลาบพันปีชนิดที่มีดอกสีแดงนี้ว่า “คำแดง” และพบเฉพาะบนดอยอินทนนท์ที่เดียวเท่านั้น จึงถือเป็นพืชเฉพาะถิ่น ลักษณะของลำต้นของกุหลาบพันปี เป็นต้นไม้พุ่มขนาดกลาง มีพันธุ์ดอกสีขาวและดอกสีแดง ออกดอกในช่วงเดือนมกราคม–กุมภาพันธ์ ส่วนตามโคนต้นกุหลาบพันปีจะมีข้าวตอกฤาษีขึ้นปกคลุมราวกับพรมธรรมชาติ




















"กุหลาบพันปี" ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา





    นอกจากนี้ ยังพบ "ต้นอูนแดง”  ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งพืชประจำถิ่นที่หายาก และมีข้อมูลให้ศึกษาน้อยมาก






“ต้นอูนแดง”  ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา
 

สมาชิกที่เห็นด้วยและขอบคุณ


ออฟไลน์ Jomjam Jam

  • Administrator
  • *
  • กดนิ้วโป้ง.! แทนคำขอบคุณ
  • -มอบให้: 31
  • -จึงได้รับ: 658
  • กระทู้: 443
  • กำลังใจ : +662/-0
  • ระบบปฏิบัติการ:
  • Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
  • เบราเซอร์:
  • Chrome 60.0.3112.113 Chrome 60.0.3112.113
    • <b>กลุ่มพิเศษ..</b>
  • สมาชิกลำดับที่: 175
Share: โพสกระทู้นี้ลงใน Twitter ของคุณ  โพสกระทู้นี้ลงใน Facebook ของคุณ...              
 จุดที่น่าสนใจอีกจุดหนึ่ง คือ “ต้นทะโล้” ต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “มังตาน” ลำต้นตรงมีความสูงประมาณ 15-25 เมตร พบมากในป่าดิบชื้นที่ระดับความสูง 2,000 เมตรขึ้นไป ต้นทะโล้ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกานี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นอีกหนึ่งในไฮไลท์บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติแห่งนี้เลยทีเดียว



















สมาชิกที่เห็นด้วยและขอบคุณ


ออฟไลน์ Jomjam Jam

  • Administrator
  • *
  • กดนิ้วโป้ง.! แทนคำขอบคุณ
  • -มอบให้: 31
  • -จึงได้รับ: 658
  • กระทู้: 443
  • กำลังใจ : +662/-0
  • ระบบปฏิบัติการ:
  • Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
  • เบราเซอร์:
  • Chrome 60.0.3112.113 Chrome 60.0.3112.113
    • <b>กลุ่มพิเศษ..</b>
  • สมาชิกลำดับที่: 175
Share: โพสกระทู้นี้ลงใน Twitter ของคุณ  โพสกระทู้นี้ลงใน Facebook ของคุณ...              
    นอกจากนี้ เมื่อเดินมาถึงทางแยกไปศาลเจ้ากรมเกียรติ เส้นทางนี้ไม่ได้อยู่ในวงกลมจะต้องย้อนออกมาทางเดิม ซึ่งศาลแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ พล.อ.อ เกียรติ มังคละพฤกษ์ และนายนิพนธ์ บุญทรารมณ์ ผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่กองทัพอากาศและประเทศชาติ ซึ่งประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกจนถึงแก่กรรม ณ ที่แห่งนี้ หลังจากเสร็จภารกิจสำรวจที่ตั้งศูนย์ควบคุมและรายงานดอยอินทนนท์ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2515




























ศาลเจ้ากรมเกียรติ สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ พล.อ.อ เกียรติ มังคละพฤกษ์ และนายนิพนธ์ บุญทรารมณ์ ผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่กองทัพอากาศและประเทศชาติ



พิกัด เส้นทางศึกษาธรรมชาติอ่างกา อ.จอมทอง เชียงใหม่ : 18.589125, 98.486566





ขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล

https://travel.mthai.com/blog/123596.html
http://www.tripchiangmai.com/chiangmaiboard/index.php/topic,10177#.WaeEebJJbIU
https://www.travellerfreedom.com





ถ่ายภาพและเรียบเรียง โดย Jomjam ทีมงาน soupvan cnx.



- THE END -



www.facebook.com/soupvan

สมาชิกที่เห็นด้วยและขอบคุณ


 

เว็บพันธมิตร, แลกลิ้งค์ เว็บบ้านพัก "แม่กลางหลวงฮิลล์" | ร้านชาสา บ้านรักไทย | เว็บรถป็อปดอทคอม | เว็บจีพีเอสเที่ยวไทยดอทคอม | เว็บพิจิตรบ้านเราดอทคอม
หน่วยงานการท่องเที่ยว การท่องเที่ยว (ททท.) | ททท.ภาคกลาง | ททท.ภูมิภาคภาคตะวันออก | กรม อช.สัตว์ป่าและพันธุ์พืช | จองที่พัก อช.ระบบออนไลน์ | จังหวัดแม่ฮ่องสอน | ททท. สนง.แม่ฮ่องสอน | ศูนย์ศิลปาชีพ จ.แม่ฮ่องสอน | กระทรวงวัฒนธรรม | ศูนย์ข้อมูลมรดกโลก(ก.วัฒนธรรม) | สำนักอุทยานแห่งชาติ | เว็บโครงการหลวงฯ
คมนาคม, ขนส่ง การบินไทย | โอเรี่ยนไทย | แอร์เอเชีย | Solar Air | บางกอกแอร์เวย์ | บริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) | การรถไฟแห่งประเทศไทย | สมบัติทัวร์ | เชิดชัยทัวร์ | สยามเฟิสท์ทัวร์ | นครชัยแอร์ | รถทัวร์ไทยดอทคอม | ติดตามการส่งพัสดุEMS | ตรวจผลสลาก.. | speedtest.adslthailand.com | speedtest.net | speedtest.or.th