จากก๊าซธรรมชาติ พัฒนาเป็นนวัตกรรมทางด้านการเกษตร
สู่งาน "มหัศจรรย์ไม้เมืองหนาว ทิวลิปบานที่ระยอง" ครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 6 - 21 เมษายน 2562
ณ สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จ.ระยอง
สู่งาน "มหัศจรรย์ไม้เมืองหนาว ทิวลิปบานที่ระยอง" ครั้งที่ 8 ระหว่างวันที่ 6 - 21 เมษายน 2562
ณ สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จ.ระยอง
ช่วงวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ เราได้มีโอกาสไปเที่ยวชมดอกทิวลิปบานที่ระยอง หลังจากที่ตั้งใจจะไปหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีโอกาสซักที ...อันที่จริงไม่ได้จะไปชมความสวยงามของดอกทิวลิปอย่างเดียว แต่อยากไปหาคำตอบด้วยว่าทำไมดอกทิวลิปจึงบานหน้าร้อน และที่สำคัญทำไมจึงปลูกที่บ้านเราซึ่งเป็นเมืองร้อนมากถึงร้อนมากที่สุดได้ ...แต่ก่อนที่จะไปหาคำตอบเรื่องนี้ ...ขอชื่นชมผู้จัดงานว่าจัดระเบียบการเข้าชมได้ดีเลยทีเดียว (เพื่อขวัญและกำลังใจของคนทำงานเนาะ) ...เริ่มตั้งแต่ลานจอดรถกว้างขวางใหญ่โตมาก มีการจัดคิวขึ้นรถรางจากลานจอดรถถึงสถานที่จัดงานที่ไม่ต้องรอนานมาก มีเต็นท์ และเก้าอี้ให้นั่งรอ มีผู้ประกาศเรียกให้ขึ้นรถรางตามกลุ่มที่เรานั่งรอ ส่วนรถรางก็มีวิ่งรับ-ส่งตลอดเวลา ใช้เวลานั่งรถรางไปถึงสถานที่จัดงานแค่อึดใจเดียว ...จุดจำหน่ายบัตรเข้าชมงานอยู่ไม่ไกลจากจุดที่ลงจากรถราง เดินแป๊บเดียวก็ถึง ส่วนช่องจำหน่ายบัตรก็มีอยู่หลายช่อง ไม่ต้องเข้าแถวรอนาน อาจเป็นเพราะวันนี้คนไม่เยอะด้วย ...เสียค่าเข้าชมคนละ 40 บาท/รอบ รอบละ 15 นาที (เด็กและผู้สูงอายุเข้าชมฟรี) ...เราตัดสินใจซื้อบัตรเข้าชมสองรอบติดเลย (80 บาท เข้าชมได้นาน 30 นาที) ... เพราะเรารู้จักตัวเราดีว่า 15 นาทีนั้นไม่พอแน่นอน ...อันนี้เขาประกาศแจ้งนะคะว่าสามารถซื้อบัตรเข้าชมติดต่อกันได้สองรอบ เราไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษอันใดน๊า ...ซึ่งรายได้จากการจำหน่ายบัตรในงานนี้จะมอบให้กับกองทุนสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการของชุมชนด้วย ...ได้มาชมดอกทิวลิปสวยๆ แล้ว ยังได้ทำบุญด้วย จัดไป สองรอบ !! ...เมื่อซื้อบัตรเข้าชมงานเสร็จแล้ว จะต้องผ่านด่านผู้ตรวจบัตรก่อน ซึ่งหลังจากนั้นบัตรเข้าชมงานก็จะกลายเป็น wristband ติดที่ข้อมือ (เราซื้อบัตรสองรอบ จะได้ wristband สองอัน สองสี) บน wristband จะมีเวลาบอกว่าเราจะเข้าชมในรอบเวลากี่โมง ...ใช้เวลาเดินจากจุดจำหน่ายบัตรไปถึงโรงเรือนที่จะเข้าชมดอกทิวลิปพอสมควร อาจด้วยเพราะเพิ่งมาครั้งแรก ก็เลยรู้สึกเดินไกลไปนิด แดดร้อนด้วย ...เมื่อถึงประตูทางเข้าโรงเรือน จะมีเจ้าหน้าที่คอยจัดคิว (อีกรอบ) โดยจะประกาศเรียกตามสีของ wristband ที่ข้อมือ ...นั่งรอสักพัก เมื่อถึงเวลารอบของเรา เจ้าหน้าที่จะให้เราเข้าไปนั่งฟังและรับชม VTR ความเป็นมาและเป็นไปของการจัดงานนี้ ...ซึ่งตอนนี้แหละที่เราได้รับคำตอบแล้วว่า "ทำไมดอกทิวลิปจึงบานหน้าร้อน และที่สำคัญทำไมจึงปลูกที่บ้านเราซึ่งเป็นเมืองร้อนมากถึงร้อนมากมี่สุดได้" คำตอบก็คือ "จากศักยภาพของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ จ.ระยอง ปตท.ได้นำก๊าซธรรมชาติมาต่อยอดนวัตกรรมทางด้านการเกษตร เพื่อสร้างคุณค่าให้กับพลังงานเหลือใช้ โดยได้ทำการศึกษาวิจัยด้วยการนำพลังงานความเย็นที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการเปลี่ยนสถานะของก๊าซธรรมชาติที่ถูกทำให้กลายเป็นของเหลว LNG (Liquefied Natural Gas) ภายใต้สภาวะเยือกแข็ง มาใช้ในการสร้างความเย็นให้กับโรงเรือนเพาะปลูกพันธุ์ไม้และผลไม้เมืองหนาว รวมถึงการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ได้จากการแยกก๊าซธรรมชาติมาเร่งการเจริญเติบโตของพืชด้วย โรงเรือนนี้จึงสามารถเพาะพันธุ์และขยายพันธุ์พืชไม้เมืองหนาวได้ เช่น ดอกลิลลี่ ทิวลิป รวมทั้งสตรอเบอรี่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ต่อไปในอนาคต ซึ่งนับว่าเป็นโครงการที่ผสมผสานองค์ความรู้ระหว่างองค์กรและสถาบันการศึกษา มาสู่นวัตกรรมด้านการเกษตรให้กับประเทศไทย เพื่อสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต" ...สรุปคร่าวๆ ประมาณนี้ ... จากการนั่งฟังและนั่งชมก็ชวนให้น่าทึ่งกับแนวคิดดังกล่าว ถือเป็นเทคโนโลยีทางด้านการเกษตรของบ้านเราเลยทีเดียว ทั้งๆ ที่บ้านเราเป็นประเทศเมืองร้อนแต่ก็สามารถสร้างเทคโนโลยีเพื่อเพาะปลูกพันธุ์พืชและผลไม้เมืองหนาวส่งออกได้ ขอปรบมือรัวๆ ให้เลย ...
หลังจากที่รับชม VTR จบแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้เราเดินเข้าไปชมโรงเรือนได้ โดยทางเดินจัดทำเป็นอุโมงค์หินแปลกตาที่มีชื่อว่า Rocky Gateway ซึ่งเป็นจุดไฮไลท์แรกที่เราจะได้พบ เมื่อเดินเข้าไปถึงด้านใน เราก็จะตื่นตะลึงกับความอลังการของสวนไม้ดอกเมืองหนาว ...ซึ่งก็สวยงามตระการตาจริงๆ ที่สำคัญ เย็นนนนน ชื่นใจมาก เขาบอกว่าอุณหภูมิประมาณ 18 องศาเซเซียส ถ้าไม่ได้จำกัดเวลาในการเข้าชมนะ จะนั่งเล่น นอนเล่นอยู่ในนี้ทั้งวันเลย ...ภายในโรงเรือนเป็นห้องโถงกว้าง ประดับประดาด้วยไม้ดอกเมืองหนาว โดยเฉพาะดอกทิวลิปที่เขาบอกว่ามีมากกว่า 15 สายพันธุ์ มีหลากสีสันสวยงาม รวมดอกไม้นานาพันธุ์ที่นำมาจัดวางกว่า 120,000 ดอก ภายใต้แนวคิด "The Charming of Wonder Village: มนต์เสน่ห์หมู่บ้านในฝัน" บรรยากาศคล้ายกับหมู่บ้านชานเมืองของประเทศทางฝั่งตะวันตก .... เมื่อเดินเข้าไปในโรงเรือนเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่จะกล่าวต้อนรับ และแจ้งกฏกติกามารยาทในการเข้าชม เช่น จะต้องเดินไปทางใด ห้ามแตะต้องหรือเด็ดดอกไม้โดยเด็ดขาด เซลฟี่ได้แต่ห้ามใช้ไม้เซลฟี่นะ ตลอดจนการรักษาเวลาในการเข้าชม เป็นต้น ...เราใช้เวลาลั๊ลลาอยู่ในโรงเรือน 30 นาที ตามกฏกติกาเป๊ะ แต่ในใจคิดว่ายังไม่ค่อยจุใจเท่าไร (ปกติถ้ามาเที่ยวสวนดอกไม้แบบนี้ เราจะใช้เวลาวิ่งเล่นอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมง) แต่งานนี้ ดูเร่งรีบไปหน่อย รีบเดิน รีบถ่ายรูป มุมกล้องนี่ไม่ต้องเลือก ตรงไหนว่าง ก็รีบวิ่งเข้าไปยืนโพสต์ท่าสวยถ่ายรูปได้เลย โหมดในการถ่ายรูปก็ไม่ต้องคิดเยอะ ประมาณว่ายกกล้องได้ ก็แชะ แชะ ไปเลย ใช้โหมด Auto โลด ไม่ต้องตั้งค่าอะไร เพราะเวลาเรามีจำกัด ...ถึงแม้ว่าจะดูเร่งรีบ แต่เราก็ยังเห็นสายตาแห่งความสุขของหลายๆ คนนะ เห็นถึงความสนุกสนาน และความสุขที่ได้มาชื่นชมกับบรรยากาศและดอกไม้ที่สวยงามในงานนี้ ที่สำคัญ ทุกคนเคารพกฏกติกาในการเข้าชม ตั้งแต่การรอคิวเข้าชมในโรงเรือน การต่อแถวเข้าถ่ายรูปกับจุดไฮไลท์ต่างๆ รวมทั้งการรักษาเวลาในการเข้าชม ทำให้การเข้าชมที่ดูเร่งรีบผ่านไปอย่างราบรื่นด้วยดี ขอชื่นชมนะคะ ...
สำหรับจุดไฮไลท์ในงานนี้ มีทั้งหมด 8 จุด ที่ต้องห้ามพลาดในการถ่ายรูป ได้แก่
1. Rocky Gateway – ทางเดินเข้าโรงเรือนในบรรยากาศอุโมงค์หินนำทางทะลุผ่านสู่เมืองกลางหุบเขา
2. Village of Happiness – ตื่นตากับสวนสวย และบ้านต่างระดับบนเนินเขาดอกไม้หลากสี
3. Reflection of Light – มุมสะท้อนผิวน้ำ พร้อมวิวสวนดอกไม้และภาพบ้านบนเขากลับหัว
4. Sweety Home – สัมผัสบ้านชานเมืองแสนอบอุ่นกับมุมสวนต่างระดับ
5. Wonderful Tulip – อลังการกับการแต่งแต้มด้วยทุ่งทิวลิปหลากสี ราวกับภาพวาดในฝัน
6. Color of Waterfall – ตระการตากับน้ำตกดอกทิวลิปหลากสีสัน สูงกว่า 6 เมตร ลดหลั่นไปตามเนินเขา เสมือนลงมาจากสรวงสวรรค์
7. Miracle Bridge – มหัศจรรย์แห่งสะพานกระจกใส ที่มองเห็นทะลุทุ่งทิวลิปสุดอลังการที่ด้านล่างอย่างสวยงาม
8. Secret Garden – ประทับใจไปกับสวนสวยกลางป่าใหญ่ พร้อมพันธุ์ไม้เมืองหนาวนานาชนิด
นอกจากนี้ พิเศษสุด!! ในช่วงเย็น ตั้งแต่เวลา 17.00-19.00 น. จะได้พบกับการแสดงแสงสีจากบ้านบนเนินเขายามค่ำคืน และดอกไม้ไฟ LED เรืองแสงท่ามกลางดอกไม้เปลี่ยนสีกับบรรยากาศสุดอลังการ ที่จะสร้างมุมมองใหม่ของการชมสวนดอกไม้กว่าแสนดอกยามเย็น ...อันนี้ เราไม่ได้อยู่รอชม ปีหน้าค่อยมาใหม่นะ
สุดท้ายนี้ ...ต้องบอกเลยว่าไม่ผิดหวังเลยที่ขับรถไป-กลับร่วม 300 กิโลเมตร เพื่อมาชมงานนี้ แม้ว่าเราจะเคยได้มีโอกาสไปชมการจัดสวนดอกไม้เมืองหนาวและดอกทิวลิปมาหลายงาน ซึ่งแต่ละงานก็มีความสวยงามตระการตาไม่แพ้กันเลย แต่สำหรับงานนี้ นอกจากจะได้ชมความสวยงามอลังการของสวนดอกไม้เมืองหนาวภายในโรงเรือนที่เย็นชุ่มฉ่ำใจ ซึ่งช่วยคลายร้อนในช่วงฤดูร้อนนี้ได้ดีเลยทีเดียว ยังได้รับความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านการเกษตรด้วย ...โปรดติดตามกันต่อนะคะว่าปีต่อๆ ไปจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ ทางด้านการเกษตรมาให้เราชมอีก...