รวมมุขฮาๆ จากโซเชียลเน็ตเวิร์ค

[ลุงซุป เชียงใหม่]

รวมมุขฮาๆ จากโซเชียลเน็ตเวิร์ค




ตามจั่วหัวเลยครับ ปัจจุบันการติดต่อสื่อสารทางโซเชียลเน็ตเวิร์คได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ด้วยเงื่อนไขสะดวกรวดเร็วทันสมัย ซึ่งการติดต่อสื่อสารส่งข้อความสู่กัน ก็แน่นอนหล่ะ ก็ต้องมีอะไรที่คลายความเครียดได้ มุขขำขันฮาๆนี่เอง

ทางเว็บก็เลยมีการรวบรวมมาไว้ซ๊ะเลย อิอิ และก็จะทะยอยนำมาลงเรื่อยๆ ใครมีก็นำมาโพสต์ได้ครับ

เรื่องแบบนี้ เคย เกิดกับคุณไหม

ลูกค้าสาวพักที่โรงแรม 1 คืน ตอนคืนห้อง เห็นบิลค่าห้อง 5000 จึงต่อว่ากับ ผจก
ลูกค้าสาว “พัก 1 คืน 5000 ไม่แพงไปหน่อยเหรอ ?”
ผจก “นี่ก็ราคาปกติของเรานะครับ เรามีสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย และ wifi ให้ใช้”
ลูกค้าสาว “ที่ว่ามาชั้นไม่ได้ใช้เลย จะเก็บค่าใช้ได้ไง ?”
ผจก “เรามีให้บริการ ก็คุณไม่ใช้เอง”...
ลูกค้าสาวเปิดกระเป๋าตังค์เอาแบ๊งค์ 1000 จ่ายไป “ชั้นจ่ายแค่ 1000 ที่เหลือเป็นค่าขึ้นเตียงกับชั้น 4000”
ผจก ตอบแบบรีบร้อนมาก “ผมขึ้นเตียงกับคุณเมื่อไหร่ ?”

ลูกค้าสาว “ก็ชั้นมีบริการ แต่คุณไม่ใช้เอง

นิทานก่อนนอน

นักข่าวทีวีต่างรุมสัมภาษณ์ชายชราอายุ 120 ปี แต่ยังมีสุขภาพร่างกาย แข็งแรงกำลังวังชาฟิต เปรี๊ยะ ๆ
นักข่าว. : "คุณปู่มีเคล็ดลับอะไร ถึงทำให้ยังดูสดใส แข็งแรงอยู่เสมอครับ"
คุณปู่. : ก็ไม่มีอะไรมาก แค่หมั่นออกกำลังกาย ทำจิตใจแจ่มใส กินผักเยอะๆ
           โดยเฉพาะพืชชนิดนี้ต้องกินประจำ ชึ่งทุกวันนี้ ผมยังกินอยู่เรื่อยๆ"
นักข่าว : "บอกได้มั้ยครับว่าผักอะไรที่คุณปู่กินประจำอยู่เรื่อย"
คุณปู่ : "หญ้าอ่อน" .....5555...
 .......

นิทานก่อนนอน.

ณ วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย
หลังจากพระฉันเช้าเรียบร้อย (พระยะถาเสร็จ_ญาติโยมก็ยัดห่าต่อ)
บางคนก็เตรียมกลับบ้าน. เป็นช่วงเวลาที่บรรดาแม่ค้าได้มีโอกาสขายของกันละ. แม่ค้าขายขนมครกก็ร้องขายขนมครก....ขนมครกจ้า..ขนมครกจ้า. จู่ๆก็ได้ยินเสียงผู้ชายล้อเลียน. ขนมครกจ้า .. ขนมครกจ้า. สลับกันไป.  พอหันไปดูก็เห็นเป็นหลวงพี่รูปหนึ่งยื่นอยู่ริมระเบียงกุฎิใกล้ๆร้านขายขนมครก. แชวกันไปแซวกันมาอยู่พักหนึ่ง. ขนมครกยังขายไม่ได้. แม่ค้าเกิดความโมโห. เลยหันหน้าไปทางหลวงพี่พร้อมถกผ้าถุงขึ้นพร้อมกับพูดว่า "นี่แน่ะขนมครก"  เท่านั้นแหละครับ. หลวงพี่ก็ถลกจีวรขึ้นมาบ้าง. พร้อมกับพูดว่า "นี่แหล่ะไม้แคะขนมครก".  ....... 

[ลุงซุป เชียงใหม่]

[ลุงซุป เชียงใหม่]

อ่านแล้วก็อ่านอีก มันดี 555

การปล้นธนาคารที่กวงซู


1.โจรตะโกนคำแรกเมื่อชักปืนออกมาว่า
"ทุกคนอย่าขยับ เงินเป็นของรัฐ แต่ชีวิตเป็นของคุณ"
ทุกคนนอนอย่างสงบบนพื้น ไม่มีใครเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องเงินของรัฐ
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "เทคนิคการเปลี่ยนแนวคิด" บิดเบือนนิดเดียวความคิดเราก็เปลี่ยนไปไกลแล้ว

2.ผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนโต๊ะและกำลังจะกรี๊ด ทันใดนั้นโจรตะโกนใส่ผู้หญิงว่า "เรามีวัฒนธรรม ผมมาปล้นแบ๊งค์ ไม่ได้มาข่มขืนคุณ!!"
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "การเป็นมืออาชีพ" ตั้งมั่นในเป้าหมายอย่างเดียวไม่ว่อกแว่ก

3. เมื่อโจรกลับถึงฐานลับ โจรวัยรุ่นที่จบการศึกษาระดับ โท MBA บอกกับรุ่นพี่โจรว่า "เรามานับเงินกันดีกว่า ว่าได้มาเท่าไหร่" แต่รุ่นพี่โจรที่จบเพียงชั้นประถมกล่าวว่า "แกนี่มันโง่มากเลย เงินตั้งเยอะตั้งแยะ จะนับยังไง คืนนี้ทีวีจะบอกเองแหล่ะว่า เราได้มาเท่าไหร่!!"
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "ประสบการณ์" ซึ่งในปัจจุบันประสบการณ์มีค่ามากกว่าใบปริญญามากมายนัก!!!!

4. เมื่อโจรกลับไปแล้ว รองผู้จัดการจะโทรหาตำรวจที่เบอร์ 191 แต่ผู้จัดการธนาคารกลับค้านว่า "เดี๋ยวๆๆ ใจเย็นๆ โจรเอาเงินไปเท่าไหร่ เรามานับกันก่อน แล้วบอกตำรวจว่าโจรเอาไปมากกว่านั้น"
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "กินตามน้ำ"

5. ผู้จัดการเปรยว่า "นั่นสิ จริงๆแล้วถ้ามีโจรมาปล้นธนาคารทุกเดือนก็ดีสินะ"
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "การเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส"

6. วันถัดมา ทีวีทุกช่องออกข่าวกันว่า มีโจรปล้นธนาคาร 100 ล้านบาท แต่ว่าโจรที่ปล้นไปนับแล้วนับอีก ไม่ว่าจะนับกี่รอบ ก็นับได้แค่ 20 ล้านบาทเท่านั้น โจรโกรธมากแล้วพูดว่า "เราเสี่ยงตายและปล้นธนาคารออกมาได้แค่ 20 ล้านบาท แต่เจ้าผู้จัดการธนาคารแค่มันหัวไวนิดเดียว มันทำเงินได้ถึง 80 ล้านบาท การศึกษามีดีอย่างนี้นี่เอง"
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "ความรู้มีค่ามากกว่าทองคำ"

7. ผู้จัดการธนาคารยิ้มอย่างเริงร่า เพราะว่าอยู่ดีๆเขาก็มีเงินเพิ่มขึ้นถึง 80 ล้านบาท จากการที่มีโจรมาปล้นธนาคารเขา
เราเรียกสิ่งนี้ว่า "โคตรโกง" โจรเสื้อนอกร้ายกาจกว่าโจรปล้นแบ้งค์ยิ่งนัก

ได้ข้อคิดอะไรจากเรื่องนี้บ้าง...ลองคิดดู

[DDL]