ที่ บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน

[ลุงซุป เชียงใหม่]

ที่ บ้านรักไทย แม่ฮ่องสอน

ฝ่าโค้งหลายพันโค้ง บนเส้นทาง เพื่อไปพบกับความสุข ที่ได้มาเยือน "แม่ฮ่องสอน " เมืองสามหมอก

ทริปนี้ เริ่มต้นกันที่เชียงใหม่ เดินทางด้วยกัน 3 คน เดินทางแบบสบายๆ พักที่บ้านรักไทย 1 คืน และ อำเภอปาย อีก 1 คืน

ออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ราวๆ 8 โมงครึ่ง ฝ่าหลายพันโค้ง ผ่านหลายอำเภอ จนมาถึงหมู่บ้านรักไทย ประมาณบ่าย 3 โมง แสงกำลังสวย และอากาศเย็นสบายกำลังดี ที่ความสูงกว่า 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล

หมู่บ้านชาวจีนยูนนานเล็กๆ ชายแดน ไทย - พม่า กลางหุบเขา หมู่บ้านเล็กๆ ที่หลายต่อหลายคน ได้บอกกับตัวเองไว้ ว่า อยากมาเยือนซักครั้ง

มาเถอะ มาเยือนกันสักครั้ง แล้วจะพบว่าที่นี่เป็นบรรยากาศของการพักผ่อน อย่างแท้จริง

   

[ลุงซุป เชียงใหม่]

นี่ ... ก็มา

สงสัย เอา น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง หรือว่า ข้าวซอย มาส่ง แน่ๆ ...

[ลุงซุป เชียงใหม่]

ประวัติโดยย่อ บ้านรักไทย (แม่ออ) แม่ฮ่องสอน

          ใน ปี พ.ศ. 2470 - 2493 เกิดสงครามกลางเมืองในประเทศจีน เป็นการสู้รบกันระหว่างพรรคก๊กมินตั๋ง ทหารจีนคณะชาติ นำโดย นายพลเจียง ไค เช็ค และอีกฝ่ายหนึ่ง กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน นำโดย เหมา เจ๋อ ตุง ต่อมา ปี พศ. 2493 ทหารจีนคณะชาติได้แพ้สงครามถูกไล่ต้อนถอยลงมาทางใต้ของจีน ได้ถอยร่นจากมณฑลยูนนาน เข้าสู่ประเทศพม่า นำโดย นายพลหลี่หมี่ และต่อมานำโดย นายพล หลี่ โกว ฮุย และนายพลทหารอีกหลายท่าน ในนาม ทหารจีนคณะชาติ กองพลที่ 93 (กองกำลังต่อต้านคอมมิวนิสต์แห่งมนฑลยูนนาน) โดยได้พยายามรวบรวมกองกำลัง และตั้งฐานที่มั่นเมืองสาด รวบรวมกำลังได้มากกว่า 12,000 คน เพื่อต่อสู้กลับไปยังจีนอีกถึง 3 ครั้ง ทว่า ความตั้งใจนี้ไม่สำเร็จ รัฐบาลพม่าเห็นว่ากองกำลังก๊กมินตั๋งกลุ่มนี้ขยายอิทธิพลมากขึ้น มีผลต่อความมั่นคงในประเทศ จึงลงมือปราบปรามหลายครั้ง พร้อมกับยื่นเรื่องการสั่งย้ายอพยพต่อสหประชาชาติเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2496 ในที่สุดสหประชาชนและรัฐบาล พม่า และไต้หวัน ก็ตกลงกันได้ มีการขนทหารก๊กมินตั๋งผ่านไทยไปไต้หวันในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2496 แต่ยังมีทหารก๊กมินตั๋งอีกราวๆ 5,000 - 6,000 คน ที่ไม่ได้กลับไปยังไต้หวัน

          ใน ปี พ.ศ. 2504 มีทหารก๊กมินตั๋งที่ตกค้าง ได้แยกตัวออกเป็น 2 กลุ่ม ได้เข้ามาในพื้นที่ของเขตประเทศไทย ในแถบจังหวัดเชียงราย และจังหวัดเชียงใหม่ (นายกรัฐมนตรีขณะนั้นคือ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์)
-  กลุ่มที่ 1 ทัพที่ 5  เป็นกลุ่มของ นายพลต้วน ซี เหวิน อยู่ที่ อำเภอแม่สาย, อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย มีราว 2,500 คน ต่อมาไปประจำอยู่ที่ดอยแม่สลอง และยึดพื้นที่นี้เป็นฐานที่มั่น
-  กลุ่มที่ 2 ทัพที่ 3  เป็นกลุ่มของ นายพลหลี่ เหวิน ฮ้วน กระจายกันอยู่ใน อำเภอฝาง และอำเภอเชียงดาว, อำเภอเวียงแหง, อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย และในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีราว 1,500 คน ต่อมาได้ยึดพื้นที่ บ้านถ้ำง๊อบ อำเภอไชยปราการ เชียงใหม่ เป็นฐานที่มั่น

          ใน ปี พศ. 2514 - 2516 ทหารจีนคณะชาติได้เป็นกองกำลังอาสา ครั้งแรก ในการทำศึกปราบปรามคอมมิวนิสต์ บริเวณดอยผาตั้ง, ดอยผาหม่น เชียงราย จนได้รับชัยชนะ เมื่อทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินถึงอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ.2514 พระราชทานวโรกาสให้ นายพลต้วน และนายพลลี เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ มีกระแสรับสั่งชมเชย นายพลทั้งสองในการกวาดล้างผู้ก่อการร้ายได้สำเร็จ และนายพลลี ได้ “ถวายหินที่ระลึกซึ่งเป็นหินจากดอยผาหม่น ดอยผาตั้ง” เพื่อแสดงว่าพื้นที่ดังกล่าวได้กลับคืนเป็นของปวงชนชาวไทยแล้วโดยสมบูรณ์หลังจากการสู้รบยุติลง รัฐบาลให้ทหารของนายพลลีบางส่วนคงไว้ที่ดอยผาตั้งเพื่อทำหน้าที่เฝ้ารักษาเขตชายแดนบริเวณนี้อีกส่วนหนึ่งให้กลับฐานเดิม คือ ถ้ำง๊อบ จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันหมู่บ้านดอยผาตั้งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฤดูหนาวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงราย ซึ่งอยู่ในอำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย
ต่อมาปี 2524 ทหารกองกำลังทหารจีนคณะชาติได้รับเชิญให้ร่วมกับรัฐบาลไทย ซึ่งมีพลเอกพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ กำลังได้เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เป็นกองกำลังอาสาสมัครร่วมมือกับกองกำลังทหารไทย รบกับทหารคอมมิวนิสต์ลาวที่แผ่อิทธิพลลงมาจนถึงพื้นบริเวณเขาค้อ เขาย่า เพชรบูรณ์ การรบครั้งนั้น รัฐบาลไทยได้รับชัยชนะและปราบคอมมิวนิสต์เหล่านั้นได้สำเร็จ และในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานผืนแผ่นดินไทยตามแนวชายแดนให้กลุ่มทหารจีนคณะชาติได้อยู่อาศัยทำมาหากินในเขตสวนป่ารัฐบาล อีกทั้งยังพระราชทาน ชื่อ - นามสกุล ให้กับเหล่าทหารที่ร่วมรบในศึกครั้งนั้นด้วย

          ฐานที่มั่นสำคัญของทหารจีนคณะชาติประกอบด้วย 13 หมู่บ้าน ดังต่อไปนี้
          1.  หมู่บ้านสันติคีรี (บ้านแม่สลอง) อำเภอแม่ฟ้าหลวง เชียงราย สังกัดกองทัพที่ 5
          2.  หมู่บ้านสุขฤทัย (บ้านเมืองงาม) อำเภอแม่อาย เชียงใหม่ สังกัดกองทัพที่ 5
          3.  หมู่บ้านแม่แอบ อำเภอเชียงแสน เชียงราย สังกัดกองทัพที่ 5
          4.  บ้านห้วยหม้อ อำเภอแม่ฟ้าหลวง เชียงราย สังกัดปฏิบัติงานพิเศษต้าลู่
          5.  บ้านผาตั้ง อำเภอเวียงแก่น เชียงราย สังกัดกองทัพที่ 3
          6.  หมู่บ้านถ้ำง๊อบ อำเภอไชยปราการ เชียงใหม่ สังกัดกองทัพที่ 3
          7.  หมู่บ้านเปียงหลวง อำเภอเวียงแหง เชียงใหม่ สังกัดกองทัพที่ 3
          8.  หมู่บ้านอ่างขาง อำเภอฝาง เชียงใหม่ สังกัดกองทัพที่ 3
          9.  บ้านสันมะกอกหวาน อำเภอฝาง เชียงใหม่ สังกัดกองทัพที่ 3
          10.  หมู่บ้านอรุโณทัย (หนองอุก) อำเภอเชียงดาว เชียงใหม่ สังกัดกองทัพที่ 3
          11.  หมู่บ้านไชยา (แกน้อย) อำเภอเชียงดาว เชียงใหม่ สังกัดกองทัพที่ 3
          12.  หมู่บ้านเมืองนะ อำเภอเชียงดาว เชียงใหม่ สังกัดกองทัพที่ 3
          13.  หมู่บ้านรักไทย (แม่ออ) อำเภอเมือง แม่ฮ่องสอน สังกัดกองทัพที่ 3

          ต่อมา ปี พ.ศ. 2510 - 2516 นายพล หลี เหวิน ฮ้วน ได้ส่งกองกำลัง 180 นาย ไปประจำการในพื้นที่ติดชายแดนจังหวัดแม่ฮ่องสอน นำโดย นายพัน หวู่ ซวอ ควาง และต่อมานำโดย นายพัน หย่าง จง เซี่ย เพื่อมาประจำการช่องแคบนาปาแปก หรือมีชื่อเรียกอีกว่าช่องแคบแม่ออหลวง (บ้านรักไทยในปัจุบัน) ซึ่งเป็นช่องทางลำเลียงหยก และยาเสพติดในเวลานั้น ระหว่างเข้ายึดพื้นที่ชัยภูมิฐานที่มั่นประจำการดอยต๊อกม๊อก โดยต่อสู้กับกองกำลังยาเสพติดของขุนส่า และกองกำลังปาโอ หลายครั้ง จนส่งให้ผลให้มีผู้เสียชีวิต และพิการไปหลายครอบครัว ในพื้นที่บ้านแม่ออเวลานั้นเป็นพื้นที่ไม่มีต้นไม้ตามยอดเขา ส่วนใหญ่เป็นหญ้าคา วัชพืชที่ไม่เหมาะกับการทำการเกษตร เวลาหน้าหนาวก็หนาวจัด เวลาหน้าแล้งก็แล้งจัด ในพี้นที่นี้มีชนชาติพันธ์ต่างๆ ร่วมกันอาสัญกับทหารจีนคณะชาติ เช่น ไทใหญ่, ม้ง, ว้า, กระเหรี่ยง, ตองซู, บ่องโล่ง และชาติพันธ์อื่นๆ อาศัยอยู่ด้วยกันในพื้นที่นี้ กลายเป็นอีกฐานที่มั่นของกองทัพพลัดถิ่น แห่งทัพ 3 ของ นายพล หลี่ เหวิน ฮ้วน ได้ตั้งชื่อว่า บ้านแม่ออใหม่ มีคนจีนชาวยูนนาน คนจีนอพยพมาจากประเทศพม่า (หม่า ลี่ ป้า) และชาติพันธ์ต่างๆ ที่ถูกเกณฑ์เป็นทหารระหว่างทางในพื้นที่พม่า มาอาศัยอยู่ร่วมกันกลายเป็นชุมชนชาวจีนยูนนาน และชาติพันธ์ขนาดใหญ่

          ภายหลัง ปี พ.ศ. 2514 - 2524 ทหารจีนคณะชาติ ได้เป็นกองกำลังอาสาร่วมรบต่อต้านคอมมิวนิสต์ ที่บริเวณเขาค้อ เพชรบูรณ์, ผาตั้ง, ผาหม่น และเชียงของ เชียงราย, เขาหญ้า เพชรบูรณ์ การรบในครั้งนั้น รัฐบาลไทยได้รับชัยชนะ และปราบคอมมิวนิสต์เหล่านั้นได้สำเร็จ รัฐบาลไทยจึงได้นำ 2 ผู้นำแห่งทัพ 3  และ 5 ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เพื่อนำดินจากสรภูมิรบต่างๆ มอบคืนให้กับในหลวง โดยได้กล่าวว่าข้าพเจ้าทั้งหลายได้นำแผ่นดินของท่านมามอบคืนให้กับประเทศไทยแล้ว ภายหลังในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานผื่นแผ่นดินไทยตามแนวชายแดนในเขตพื้นที่ของเขตป่าไม้รัฐบาลให้กลุ่มทหารจีนคณะชาติได้อยู่อาศัยทำมาหากิน อีกทั้งยังพระราชทาน ชื่อ - นามสกุล ให้กับเหล่าทหารที่ร่วมรบในศึกเขาค้อครั้งนี้ด้วย ซึ่งหมู่บ้านแม่ออถือเป็น 1 ใน 13 ฐานที่มั่นสำคัญของทหารก๊กมินตั้งที่ตั้งอยู่ในไทย  ต่อมารัฐบาลไต้หวันเล็งเห็นว่ารัฐบาลได้ให้การต้อนรับทหารกลุ่มนี้ด้วยการทยอยโอนสัญชาติให้เป็นคนไทยแล้ว จึงได้ส่งโครงการช่วยเหลือต่างๆ เข้ามาสนับสนุนการทำเกษตรต่างๆ ภายใต้การจัดการดูแลของสมาคมช่วยเหลือชาวจีนพ้นทะเล นำโดย มร.ก่ง เซิง เย้ เข้ามาช่วยเหลือการส่งเสริมการทำการเกษตร, การประปาน้ำดื่มภูเขา และการขุดร่องน้ำกลางหมู่บ้าน ให้เป็นอ่างเก็บน้ำเพื่อใช้ในด้านการชลประทาน เป็นจำนวน 3 อ่างเก็บน้ำ สร้างเสร็จใน ปี พ.ศ.2530
 
          ได้ตั้งชื่อว่า "เขื่อนในหมอก" RICH POOL ตอนนั้น มร.ก่ง เซิง เย้ ได้กล่าวแก่ชาวบ้านว่า "อีกไม่นานอ่างเก็บน้ำนี้จะไหลเงินทองออกมาให้ให้คนในชุมชน" เมื่ออ่างเก็บน้ำสร้างเสร็จสภาพภูมิอากาศเริ่มเปลี่ยนแปลงไป มีหมอกปกคลุมหมู่บ้านในเวลาเช้า อากาศเริ่มเย็นตลอดปี เริ่มทำการเพาะปลูกพืชต่างๆ ได้ รัฐบาลไต้หวันจึงได้ส่งชาพันธ์อู่หลง มาส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกชา และผลไม้เมืองหนาวต่างๆ เพราะบ้านรักไทยอยู่ห่างจากระดับน้ำทะเล 1,700 เมตร และรัฐบาลไทยเองก็ส่งกองกำลังทหารชุด ฉก.327 และหน่วยงานสำคัญต่างๆ เข้ามาดูแลพื้นที่บ้านรักไทย เช่น สาธารณะสุข, สถานีอนามัย, โรงเรียนสอนภาษาไทย, กรมส่งเสริมการเกษตร, กรมส่งเสริมการท่องเที่ยว, กรมป่าไม้ ฯลฯ เข้ามาประจำการด้วย  เมื่อกองกำลังทหารก๊กมินตั๋งปลดระวางอาวุธลงแล้ว รัฐบาลไทยได้ตั้งชื่อหมู่บ้านใหม่ให้ ชื่อว่า [b'"บ้านรักไทย"[/b] หมายถึง ให้เราระลึกอยู่เสมอว่ารัฐบาลไทยเป็นผู้มีคุณต่อทหารจีนคณะชาติและลูกหลานสืบไป ให้เรารักในความเป็นไทย จึงตั้งชื่อให้เราว่า หมู่บ้านรักไทย ตั้งอยู่ หมู่ที่ 6 ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมือง แม่ฮ่องสอน 58000

          ต่อมา เนื่องจากพื้นที่บ้านรักไทยมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมา เริ่มจากนักท่องเที่ยวต่างชาติก่อน และภายหลังเป็นนักท่องเที่ยวภายใน ชาวบ้านจึงนำสินค้าผลิตภัณฑ์การเกษตรมาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว และมีบริการเปิดร้านขายอาหารจีนยูนนาน ที่ขึ้นชื่อ คือ ขาหมู่หมั่นโถว ตามมาด้วยการสร้าง ที่พัก, โฮมสเตย์, รีสอร์ท ต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างประเทศ ที่ชื่นชอบในบรรยากาศของบ้านรักไทย ที่มีอากาศที่เย็นบริสุทธิ์ เงียบสงบ มีอ่างเก็บน้ำอยู่กลางหมู่บ้าน เงาน้ำสะท้อนวิวสวยทิวภูเขาที่โอบล้อมชุมชนนี้ไว้ และชุมชนบ้านรักไทยยังพร้อมใจกันช่วยกันตกแต่งบ้านเรื่อนร้านค้าให้คงไว้ซึ่งความเป็นอัตลักษณ์จีนไว้มากที่สุด ทั้งในแง่การออกแบบ ก่อสร้าง ดังนักท่องเที่ยวชอบกล่าวเสมอๆ ว่า “เหมือนมาเที่ยวเมืองจีนในดินแดนไทยเลย” อีกทั้งยังมีสินค้าเกษตรแปรรูปมากมาย อาทิเช่น ใบชา, กาแฟ, ไวน์, ผลไม้อบแห้ง, อาหารพื้นเมือง และกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ อีกมากมาย

          มาถึงวันนี้หมู่บ้านรักไทยเป็นแหล่งชุมชนท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศ ทั้งลักษณะของภูมิประเทศที่ดีและมีหลากหลายทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธ์ที่ร่วมอาศัยอยู่ด้วยกัน เราต้องขอขอบพระคุณและสำนึกในบุญคุณแผ่นดินไทยและระลึกถึงบรรพชนอดีตทหารจีนคณะชาติที่เสียสละชีวิตเพื่อแลกกับผืนแผ่นดินทำกินจนถึงทุกวันนี้ ทำให้พวกเราได้เป็นคนไทย เป็นชาวไทยเชื้อสายจีนยูนนาน "ไทย - ยูนนาน"

[ลุงซุป เชียงใหม่]